Posts Tagged ‘ภาษาอังกฤษ’

การศึกษาและเรียนรู้ภาษาอังกฤษในการสมัครงาน

ไม่ว่าเราจะสัมภาษณ์งานไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เราก็ไม่มีวันคุ้นเคยกับมัน เราจะยังคนรู้สึกตื่นเต้นเสมอ เหมือนกับว่าทุกครั้งที่เราไปสัมภาษณ์งาน เราจะประหม่าเมื่อต้องไปสัมภาษณ์งาน หรือต้องพูดคุยกับนายจ้างเป็นครั้งแรก แม้ว่าจะเป็นโอกาสอันดี แต่ก็เป็นเรื่องยากที่เราจะควบคุมความวิตกกังวลนั้นไว้ได้ และความรู้สึกนั้นจะมีมากยิ่งขึ้น เมื่อเราต้องสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ

เมื่อไรก็ตามที่เราต้องสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ เราจะรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า การพูดติด ๆ ขัด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราทำให้มันผ่านพ้นไปได้ และทำให้การสัมภาษณ์งานครั้งนี้ออกมาประสบความสำเร็จไม่ต่างจากการสัมภาษณ์งานครั้งอื่น ๆ หลายคนจะรู้สึกกลัวว่าการสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษจะยากกว่าภาษาไทย แต่ความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก เพียงแต่ต้องอาศัยการเตรียมตัวให้มากขึ้น

การสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษให้ประสบความสำเร็จ จะไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป หากเรามีการเตรียมความพร้อม ทั้งทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ และการเตรียมข้อมูลก่อนเริ่มสัมภาษณ์งาน ทั้งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องมาพร้อม ๆ กัน เพื่อให้การสัมภาษณ์ออกมาได้ดี และเทคนิคการเตรียมตัวสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษต่อไปนี้ จะช่วยให้คนหางานสามารถสร้างความประทับใจในวันสัมภาษณ์งานได้อย่างเป็นมืออาชีพ หากรู้จักนำไปปรับใช้กับตัวเองได้อย่างเหมาะสม

เตรียมข้อมูลก่อนการสัมภาษณ์งาน

การเตรียมความพร้อมให้กับตัวเอง จะช่วยให้เราสามารถไปสัมภาษณ์งานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ยิ่งเราเตรียมตัว และมีความพร้อมมากเท่าไร เราก็จะรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นน้อยลง ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าบริษัท ตำแหน่งงานที่เราสมัคร ผู้ที่มาสัมภาษณ์เรานั้น มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร อย่างน้อยที่สุด เราต้องเรียนรู้ว่าบริษัทนี้มีเบื้องหลัง และอนาคตดีมากน้อยแค่ไหน

เมื่อเราเรียนรู้ข้อมูลต่าง ๆ ของบริษัทมาเป็นอย่างดีในระดับหนึ่งแล้ว การต้องตอบคำถาม หรือถามคำถามในช่วงการสัมภาษณ์งาน เราจะไม่รู้สึกประหม่า เมื่อไม่รู้สึกประหม่า เราก็จะไม่พูดภาษาอังกฤษที่จับใจความไม่ได้ หรือพูดภาษาอังกฤษที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ หลายคนรู้สึกว่าการสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยาก เพราะเขามีข้อมูลไม่มากพอ และไม่ได้ฝึกฝนการตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษมา เมื่อจะต้องตอบคำถาม ก็ทำให้นึกไม่ออกว่าควรจะพูดออกมาด้วยรูปประโยคอย่างไร จนท้ายที่สุด ก็ทิ้งโอกาสที่ดีในการสัมภาษณ์งานให้หลุดลอยออกไป

ฝึกซ้อมภาษาอังกฤษเพื่อเพิ่มความมั่นใจ

หลาย ๆ บริษัทเลือกที่จะสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ เพราะอยากรู้ว่าคนที่มาสัมภาษณ์ว่าสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีในระดับใด เหมือนอย่างที่เขียนไว้ในเรซูเม่หรือไม่ เพราะบางคนเขียนมาในเรซูเม่ว่าสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อนำมาใช้งานจริงกลับไม่มีประสิทธิภาพอย่างที่นายจ้างคาดหวังไว้

การสัมภาษณ์งานมักมาพร้อมกับความตื่นเต้น และแน่นอนว่าความตื่นเต้นนั้น เป็นเรื่องที่ห้ามกันได้ยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะจัดการไม่ได้เสียเลย การได้ฝึกฝนพูดประโยคภาษาอังกฤษที่จำเป็นต้องใช้ในวันสัมภาษณ์งานบ่อย ๆ จะช่วยให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น และสามารถตอบคำถามได้ดีขึ้น

ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนรุ่นใหม่ และอนาคตของประเทศ

ภาษาคือกุญแจสำคัญของความรู้ ถ้านักเรียนไม่สามารถเข้าใจภาษาแล้วเขาไม่สามารถที่จะรับข้อมูลหรือความรู้ในภาษานั้นได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐจะต้องพัฒนา ปัจจุบันภาษาอังกฤษมีความสำคัญมาก เพราะองค์ความรู้และข่าวสารที่สำคัญๆมากกว่า 80% ในโลกนี้รายงานหรือบันทึกไว้เป็นภาษาอังกฤษ การเริ่มต้นเรียนภาษาตั้งแต่ยังเยาว์จะนำไปสู่ความชำนาญสูง รัฐบาลต้องเริ่มให้ความสนใจในเรื่องนี้ เพราะถ้าหากว่าเราไม่เริ่มแต่วันนี้ ประเทศเราก็จะเป็นประเทศที่ล้าหลัง จะตามประเทศอื่นไม่ทัน และตกเป็นอาณานิคมทางเศรษฐกิจของประเทศอื่นอย่างถาวร

ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนรุ่นใหม่ และอนาคตของประเทศ ไม่เฉพาะแต่ประเทศไทย แต่ทุกๆประเทศ เพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารอย่างเป็นทางการของชาวโลก ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องทำให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองของประเทศให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แทนที่จะรีรอหรือกลัวว่าประเทศ “จะตกเป็นอาณานิคม” ของประเทศอื่น

ปัจจุบันนั้นหมดยุคอาณานิคมแบบเดิมๆที่ประเทศหนึ่งยกพลขึ้นมายึดดินแดนประเทศหนึ่งนั้นไปแล้ว แต่อาณานิคมทางเศรษฐกิจ อาณานิคมทางด้านความคิด กำลังเร่งเครื่องมาแรง เราต้องเตรียมคนของเราให้พร้อมที่จะรับมือกับความรุนแรงนั้น  และอาวุธสำคัญที่จะต่อสู้กับมันได้ก็คือ การให้การศึกษากับประชาชนของเรา และภาษาอังกฤษก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากของเครื่องมือนี้ ถ้าเราหันไปมองประเทศเพื่อนบ้านเช่นประเทศสิงคโปร์ที่เคยเป็นเมืองขึ้นทั้งของดัทช์ และต่อมา ของอังกฤษ ดูบ้างจะเห็นว่า การที่ประชาชนของเขาพูดได้อย่างน้อยสองภาษานั้นมีประโยชน์ต่อประเทศเขามากเพียงใด

ปัจจุบันชาวโลกเขายกย่องกันมากว่าประเทศสิงคโปร์ประสบความสำเร็จมากทั้งด้านการศึกษาและเศรษฐกิจ ที่เป็นเช่นนี้นั้นก็เพราะว่าประเทศสิงคโปร์มีการวางแผนรองรับนโยบายการศึกษาอย่างรัดกุม คือกำหนดให้นักเรียนเรียนรู้อย่างน้อย 2 ภาษา ภาษา “ลิ้นแม่” ที่มีทั้งจีน มาเลย์ ทมิฬฯ ก็ไม่ได้ละทิ้ง เพราะมันทำให้เด็กเข้าใจในเนื้อหาของวิชาการที่เรียนได้ดีกว่า แต่ในขณะเดียวกันรัฐบาลได้ส่งเสริมให้นักเรียน เรียนภาษาอังกฤษ และ จีนกลาง(แมนดาริน)เป็นภาษาที่ 2 เพื่อที่จะสื่อสารความรู้ความสามารถนั้นกับภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปีที่สิงคโปร์เป็นอิสระจากอังกฤษใน 1965 แทบจะไม่มีชาวจีนในสิงคโปร์พูดภาษาจีนกลาง แต่ปัจจุบันกว่า 70% ของชาวสิงคโปร์พูดได้อย่างน้อย 2 ภาษา คือภาษา”ลิ้นแม่” และ จีนกลาง หรือ อังกฤษ

ถึงปีนี้ 2010 แทนที่ประเทศสิงคโปร์จะตกเป็นอาณานิคมประเทศอื่นอีก แต่ตรงข้ามได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความสำเร็จทางด้านเศรษฐกิจมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก เป็นที่ยอมรับของนาๆอารยประเทศไม่แพ้ประเทศมหาอำนาจที่เคยยึดครองประเทศนี้มาก่อน .. ทั้งๆที่ประเทศสิงคโปร์ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติใดๆเลยนอกจาก “คน” เพียงไม่กี่ล้านคน

การเรียนรู้ภาษาของคนอื่นนั้นไม่ได้ทำให้คุณโง่ลง แต่ทำให้คุณฉลาดขึ้น และรู้เท่าทัน(เล่ห์เหลี่ยม)คนประเทศอื่นและนี่คือเหตผลว่าทำไมเราจึงต้องเรียนรู้ภาษาอังกฤษ

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษในวัยเด็กก็จะเริ่มจากดนตรี

การฝึกภาษาอังกฤษ อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในโลกยุคปัจจุบันและอนาคต ภาษาอังกฤษจะมีบทบาทสำคัญและสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นการรู้ภาษาย่อมทำให้ได้เปรียบนั่นเอง

สำหรับเด็กๆในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษก็จะเริ่มจากดนตรี Head shoulder knees and toes, knees and toes คุณพ่อคุณแม่คงคุ้นเคยกับเพลงนี้ดีใช่ไหมคะ ถ้างั้นลองร้องเพลงนี้แล้วลองดูสิคะว่าเด็กๆ จะทำอย่างไรเมื่อได้ยินเพลงนี้ รับรองได้เลยค่ะว่าเด็กๆ จะต้องร้องตามและลุกขึ้นมาจับหัว จับไหล่ และจับเข่าของตัวเองอย่างแน่นอน นั่นเป็นเพราะว่าเพลง และดนตรีมีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาความจำของเด็กค่ะ

ความจำเป็นส่วนหนึ่งของความสามารถทางสติปัญญา เป็นความสามารถในการเก็บสิ่งที่เรียนรู้ ไว้ในระยะเวลานาน และสามารถเรียกกลับมาใช้ได้ ซึ่งวิธีการเรียนรู้ของเด็กนั้นจำเป็นต้องอาศัย ความจำเป็นพื้นฐาน อย่างการเรียนรู้คำศัพท์ของเด็ก เด็กต้องอาศัยกระบวนการจำเพื่อเก็บรวบรวมคำศัพท์ต่างๆ ไว้ในความจำของตนเอง ส่วนการฟังเพลง ร้องเพลง และเล่นเครื่องดนตรี เด็กจะต้องใช้ความจำ เพื่อจดจำ เนื้อร้องทำนอง และจังหวะของเพลงแต่ละเพลง ดังนั้นการใช้เพลง และดนตรีจะสามารถช่วยส่งเสริมภาษาให้แก่เด็ก ทำให้เด็กเกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน เหมาะสมกับธรรมชาติของเด็ก และที่สำคัญทำให้เด็กเรียนรู้และเปิดรับสิ่งต่างๆ ได้ดีกว่าการเรียนรู้ในหลักวิชาการแต่เพียงอย่างเดียว

จากที่กล่าวมาข้างต้น เป็นหนึ่งวิธีการที่สามารถนำไปใช้เพื่อช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านเพลงและดนตรีได้ โดยการจดจำเนื้อร้อง ทำนองและจังหวะ การส่งเสริมเด็กให้เกิดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ในรูปแบบที่หลากหลาย สนุกสนาน และเหมาะสมกับธรรมชาติของเด็ก เพราะการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกันไป การส่งเสริมเด็กอย่างครอบคลุมทุกรูปแบบการเรียนรู้ จะช่วยให้เกิดโอกาสในการพัฒนาเด็กได้อย่างเต็มศักยภาพค่ะ

แนะนำ 10 วิธีสุดเจ๋ง ในการเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งได้ด้วยตัวเอง


ปัจจุบันนี้ ภาษาอังกฤษ เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้นการที่เราสามารถสื่อสารภาษาอักฤษได้ ย่อมทำให้ได้เปรียบคนอื่นๆ วันนี้เราจึงมีข้อมูลมาแนะนำกับ 10 วิธีการฝึกภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะยากเกินไปสำหรับใครไม่รู้จะฝึก เรียนภาษาอังกฤษ อย่างไร ให้เข้าใจ

1. ตามอ่านอะไรที่เราสนใจ
ตอนเด็กๆหลายคนอาจจะไม่ชอบภาษาอังกฤษ เพราะโดนครูบังคับให้อ่านเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่ลองเริ่มอ่านเรื่องที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน กีฬา ดนตรี ข่าวซุบซิบดาราฝรั่ง หรือมุมขำๆในหนังสือพิมพ์ จำไว้เลยว่าไม่มีอะไรไร้สาระ เพราะเรากำลังเรียนรู้อยู่
2. ฟังวิทยุให้ชิน
การฟังวิทยุนั้นจะช่วยให้เราได้ฟังทั้งเสียงคนพูด รวมถึงเสียงร้องเพลง เป็นการฝึกหูในชินกับภาษาในหลายๆรูปแบบอีกวิธีหนึ่งด้วย
3. ไม่จำเป็นต้องแปลเป็นภาษาไทย
การฝึกภาษาอังกฤษให้เข้าใจนั้น ไม่จำเป็นที่เราต้องอ่านหรือฟังแล้วแปลเป็นภาษาไทย อาจจะสงสัยว่าไม่แปลเป็นไทยแล้วจะเข้ะาใจยังไง การไม่พยายามแปลเป็นไทยจะช่วยให้เราสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วขึ้นด้วย
4. แปะกระดาษโน้ตบนสิ่งของต่างๆ
วิธีนี้จะเหมือนการเอาข้าศึกมาล้อมเมือง การแปะชื่อสิ่งของต่างๆที่เราใช้เป็นภาษาอังกฤษ ช่วยทำให้ชีวิตได้คุ้นเคยกับคำเหล่านี้มากขึ้น และเป็นการฝึกอ่านฝึกความเข้าใจไปในตัวด้วย
5. ดูทีวีและภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ
การดูภาพ ฟังเสียง และอ่านซับไตเติ้ลภาษาไทยไปพร้อมๆกัน ช่วยฝึกประสาทการรับรู้ในหลายๆช่องทาง ซึ่งต่อไปก็สามารถเปลี่ยนจากซับไทย เป็นซับอังกฤษ ไปจนถึงขั้นปิดซับได้ในท้ายที่สุด
6. เล่นเกมที่ใช้คำภาษาอังกฤษบ่อยๆ
สมัยนี้มีเทคโนโลยีอย่างสมาร์ทโฟน เราจึงสามารถหาแอพพลิเคชั่นเกมภาษาอังกฤษ เช่น Crosswords มาเล่นแก้เบื่อในยามว่างได้ ทีนี้ก็ลองเปลี่ยนจากแชทไลน์มาเป็นเล่นเกมแนวนี้แทน จะช่วยพัฒนาได้อีกทาง
7. ใช้คำต่างๆเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น
วิธีนี้หลายคนอาจจะมองดูว่ากระแดะหรือเปล่า จริงๆแล้วเป็นเพียงการใช้คำให้ถูกกับภาษาอังกฤษมากขึ้น โดยพยายามพูดอังกฤษบ่อยๆในศัพท์ที่ใช้ได้ เช่นเปลี่ยนคำว่ามือถือ เป็น Smart Phone เปลี่ยนคำว่า นาฬิกาปลุก เป็น Alarm เป็นต้น
8. ทำลิสต์ต่างๆให้เป็นภาษาอังกฤษ
ขั้นตอนนี้อาจจะลำบากในตอนแรก แต่ถ้าเราลองลิสต์ต่างๆให้เป็นอังกฤษจะช่วยเราให้คุ้นเคยได้มากขึ้น อย่างเช่น ลิสต์กิจกรรมที่ต้องทำพรุ่งนี้ ลิสต์ตารางไปเที่ยวพักผ่อน หรือลิสต์ของที่ต้องซื้อเข้าบ้าน ให้เป็นภาษาอังกฤษซะ
9. ลงทุนซื้อ Dictionary ดีๆสักเล่ม
นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่า แม้จะมีราคาค่อนข้างแพงไปบ้าง แต่ก็ช่วยให้เราสามารถเข้าใจและพัฒนาภาษาไปได้ดีกว่า
10. เราชอบอะไร ทำสิ่งนั้นเป็นภาษาอังกฤษ
ความชอบ ความรัก มันทำให้เราสามารถทำอะไรก็ได้อย่างมีความสุขและไม่น่าเบื่อ ถ้าชอบทำอาหาร ก็เปลี่ยนเมนูอาหารเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าชอบเล่นกีฬาหรือดนตรี ก็ดาวน์โหลดวิดีโอการฝึกซ้อมแบบภาษาอังกฤษมาดู ถ้าชอบเล่นเกมก็ฝึกอ่านคู่มือเกมภาษาอังกฤษ เราก็จะหลงรักมันโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะ

 

การปูพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษ ทำให้ประเทศมีศักยภาพยิ่งขึ้น

ภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ มนุษย์ทั่วโลกต่างใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารโดยตรง การใช้อินเตอร์เน็ต การดูทีวี การดูภาพยนตร์ การเขียนโปรแกรม เป็นต้น บัณฑิตที่จบการศึกษาถ้ามีความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษโอกาสหางานไม่เพียงจำกัดแค่ในประเทศไทยเท่านั้น จะมีสิทธิพิเศษในการทำงานในต่างประเทศได้อีกด้วย และด้วยเทคโนโลยีทางอินเตอร์เน็ตทำให้เราสามารถที่จะติดต่อสื่อสารกับต่างชาติได้ง่าย เราจะไม่สามารถมีโอกาสเหล่านี้ได้ ถ้าหากไม่มีความรู้ด้านภาษา ระบบการเรียนการสอนในเมืองไทยก็ให้ความสำคัญด้านการเรียนภาษาอังกฤษมานานแล้ว แต่ทำไมคนไทยถึงพูดภาษาอังกฤษสู้คนฟิลิปปินส์ไม่ได้เลย นั่นก็เพราะหลักสูตรของไทยไม่ได้เน้นด้านการพูด แต่ไปเน้นทางด้านหลักไวยากรณ์ คำแปล และอ่านเพื่อใช้สอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ สิ่งที่ต้องปรับปรุงอย่างมากนั่นคือการพูดออกเสียง ไม่ว่าจะเป็น การออกเสียงพยัญชนะ การเน้นเสียง และทำออกมาในรูปแบบมัลติมีเดียที่เข้าใจง่ายจะดีกว่าที่จะสอนผ่านตัวหนังสือเท่านั้น เพราะระบบมัลติมีเดียนั้นช่วยให้เด็กสามารถได้ยินทั้งเสียง และเห็นภาพ ซึ่งในปัจจุบันทำได้ไม่ยากเลย อีกทั้งต้นทุนในการทำยังต่ำอีกด้วย

การสื่อสารทำการค้าในประเทศอื่นๆได้เปรียบกว่ามาก เพราะต่างติดต่อสื่อสารด้วยการพูดภาษาอังกฤษ ในอดีตต่างชาติไม่สามารถที่ค้าขายกับไทยได้ เพราะมีปัญหาทางด้านภาษา ทำให้ไปค้าขายกับประเทศอื่นแทน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน เป็นต้น ซึ่งประเทศเหล่านี้จะเห็นได้ว่าให้ความสำคัญทางด้านภาษาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาสากลเลยก็ว่าได้ หลายประเทศเริ่มมีการประกาศให้เป็นภาษาราชการนอกจากภาษาหลักของตนเอง

ประเทศที่ให้ความสำคัญด้านการศึกษาภาษาอังกฤษย่อมรู้ดีว่า คนที่มีความรู้ด้านภาษานั้นมีโอกาสจ้างงาน และได้รับการสนับสนุนในการงานให้ก้าวหน้าขึ้น มากกว่าผู้ที่ไม่มีทักษะทางภาษาอังกฤษ ดังตัวอย่างที่บริษัทต่างๆประกาศรับพนักงานที่ต้องมีความรู้ด้านภาษาอังกฤษในขั้นติดต่อสื่อสารได้
การสอนภาษาอังกฤษจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง และผู้สอนควรพัฒนาความรู้ให้เทียบเท่ากับเจ้าของภาษาให้ได้มากที่สุด ทำให้เกิดการเรียนรู้ได้เร็ว สถานศึกษาที่มีศักยภาพด้านนี้ ย่อมช่วยเหลือประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าได้