9 วิธีการเรียนภาษาอังกฤษให้เป็นภายใน 3 เดือน

ภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็ไม่ได้ง่าย มันจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่ด้วยบ่อยๆ ถึงจะซึมซับและคุ้นเคยไปกับมัน ถ้าจะให้ดีการค้นหาความรู้ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาทุกครั้งที่ไปเที่ยว ไปตามสถานที่ต่างๆ แม้แต่ที่ทำงานก็ยังจำเป็นต้องใส่ใจทุกรายละเอียด ยิ่งภาษาอังกฤษด้วยแล้วเราแทบจะเห็นกันอยู่ตลอด ฉะนั้นแล้วถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษเรามี 9 วิธีการเรียนภาษาอังกฤษให้เป็นภายใน 3 เดือนมาฝากกัน

1.ล้างความคิดเชิงลบเกี่ยวกับ ภาษาอังกฤษออกไปให้หมด –  อะไรก็ตามที่ขัดขวางการเรียนรู้ภาษาอังกฤษก็ลบมันออกไปจากชีวิตบ้าง เพื่อที่เราจะได้อัพเกรดสกิลด้านภาษาให้ดีขึ้น ยิ่งบางเรื่องที่ไม่ดีเกี่ยวกับภาษาอังกฤษก็ควรจะลืมให้หมด แล้วจำสิ่งใหม่ๆ เข้าไปทดแทน ความจริงแล้วภาษาอังกฤษไม่ได้น่ากลัวอีกด้วยนะ

2.ยอมเสียเวลามากขึ้นเพื่อทบทวน 12 Tense ให้เข้าใจ –  เรื่อง Tense คือเรื่องละเอียดอ่อนมากๆ อ่านบ่อยๆ เข้าใจแล้วก็ใช่ว่าจะใช้ถูกทุกครั้งไป บางคนเรียนมาแน่นมากๆ ก็มีจุดที่พลาดบ้างเหมือนกัน เราไม่ต้องยึดติดกับรูปประโยคมากเกินไปว่า ประธาน + กิริยา + กรรม เพียงแต่ไวยากรณ์จะแบ่งประเภทของคำให้เราดูง่ายขึ้น คล้ายกับภาษาไทยของเราเวลาจะพูดเราไม่สนใจว่าคำไหนจะอยู่ส่วนใดของประโยคนั่นเอง

3.การลงทุนให้กับการเรียนด้วยการซื้อ Dictionary –  คนส่วนใหญ่มักมีความรู้เกี่ยวกับศัพท์ภาษาอังกฤษอยู่แล้วแต่ใช้ไม่เป็น ไม่รู้ว่าคำไหนใช้กับประโยคแบบไหนอย่างไร เราจึงหาตัวอย่างง่ายๆ จากการเปิด Dictionary ที่เป็นอังกฤษแปลเป็นอังกฤษ พร้อมตัวอย่างภายในเล่มเพื่อจะได้เห็นในหลายแง่มุมของคำศัพท์เหล่านั้น ตัว Dictionary แบบมีตัวอย่างราคาจะแพงกว่าแบบธรรมดา

4.หมั่นอ่านบทความภาษาอังกฤษบ่อยๆ อย่างน้อยครึ่งหน้า –  การอ่านบทความเพื่อรับข้อมูลเข้าสมองเป็นการเรียนรู้ที่รวดเร็วที่สุด โดยการอ่านจะเน้นไปที่หนังสือพิมพ์เป็นหลังเพราะมีการตรวจสอบอักษรและไวยากรณ์มาอย่างดีแล้ว พยายามอ่านอยู่เรื่อยๆ สังเกตุคำศัพท์ที่ใช้ตามรูปประโยคต่างๆ เพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด หากเริ่มต้นด้วยคำที่ผิดอยู่เรื่อยจนชินไปกับคำเหล่านั้นจะแก้ไขยากมาก ดังนั้นควรเลือกตัวอย่างที่ถูกต้องและนำมาใช้ให้ถูกต้อง

5.หัดฟังบทสนทนาและข่าวภาษาอังกฤษทุกวัน –  การอ่านต้องควบคู่ไปกับการฟังเสียง จะช่วยเราได้มากในเรื่องความเป็นธรรมชาติของการออกเสียง คำแต่ละคำในแต่ละรูปประโยคเวลาพูดจะออกเสียงสูงต่ำไม่เท่ากัน ความช้าเร็วของการพูดออกมาก็เช่นกัน หากเราฟังเป็นประจำไม่ว่าจะเป็นชาวอินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ก็ยังเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด เพราะการที่เราฟังทุกวันมันซึบซับได้รวดเร็วและถูกต้องนั่นเอง

 

6.ถึงเวลาเขียนภาษาอังกฤษบ่อยๆ เพิ่มทักษะตนเอง –  การเขียนภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่เห็นผลใกล้เคียงกับการพูดเลย ต่างกันที่การเขียนจะมีเวลาให้เราได้ไตร่ตรองคำที่จะใช้ได้นานหน่อย หากเป็นไปได้ให้แนะนำให้คนที่เก่งภาษามาช่วยตรวจดูจะดีมากๆ เพราะเขาสามารถกรองคำศัพท์และไวยากรณ์ที่เราเขียนได้ ถึงแม้จะผิดแต่หากเขียนเป็นประจำรับรองว่าเราจะเห็นผลที่ดีขึ้นได้ชัดเจนมากเลยละ

7.ฝึกพูดหน้ากระจก หรือ พูดให้ตัวเองฟังเป็นประจำ –  การพูดให้ตัวเองฟังไม่ได้หมายความว่าเราบ้านะ แต่เป็นการฝึกภาษาและความมั่นใจให้กับตัวเองก่อนไปพูดกับคนอื่นจริง ยิ่งตอนเจอกับชาวต่างชาติเราอาจจะลนลาน พูดติดอ่างก็เป็นได้ การพูดกับตัวเองช่วยให้การพูดของเราเป็นธรรมชาติมากขึ้นและเสริมความมั่นใจ เมื่อฝึกบ่อยขึ้นจะเพิ่มความเร็วให้กับการแปลในใจจนเป็นเรื่องปกติ โดยไม่ต้องใช้เวลามากเหมือนช่วงแรกที่ต้องแปลแล้วเรียบเรียงก่อนตอบ

8.ฝึกทักษะทั้ง 4 ด้านเป็นประจำติดต่อกัน –  หลายคนที่ผ่านการเรียนในชั้นเรียนจนถึงวัยทำงาน บางคนพูดมาเป็น 10 ปีก็ยังไม่สามารถพูดได้ ฟังแล้วบางครั้งไม่เข้าใจ เหตุผลง่ายๆ คือ เราไม่ได้ฝึกฝนมากพอจนภาษาอังกฤษซึมซับเข้าไป จนก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นมา เมื่อฟังแล้วตอบได้ทันที วิธีแก้ที่ง่ายมากด้วยการฝึกทุกวันเท่าที่จะทำได้

9.เมื่อฟัง พูด อ่าน เขียน คล่องแล้วอย่าทิ้งไว้นานเกินไป –  ด้วยความที่เราฝึกฝนมานานเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรือ เป็นปี แล้วเกิดทิ้งช่วงไม่ได้ใช้งานมันเมื่อไร ความรู้ทางภาษาจะค่อยๆ ลดถอยลงไปจนหมด เท่ากับที่เรียนรู้มาสูญหายหมด ฉะนั้นแล้วไม่ว่าจะห่างไปนานเท่าไร ควรนำมันกลับมาทำเป็นกิจวัตรให้ได้ การฟัง พูด อ่าน เขียน เป็นปัจจัยที่ทำให้เราเข้าใจภาษาที่ 2 ได้ดีที่สุด

~admin